การเตรียมความพร้อมก่อนไปเรียนต่อต่างประเทศ
ต้องเตรียมส่วนสำคัญ 4 ด้าน
1. ประวัติการศึกษา ผลการเรียนหรือ transcript ที่เราเรียนจบมาล่าสุด เช่น ปริญญาตรี ประวัติการเรียนภาษาอังกฤษจากสถาบันต่างๆ ประวัติการฝึกอบรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เราเลือกหรือสนใจที่จะไปเรียนต่อ
2. ประวัติการทำงาน (ถ้ายังไม่เคยทำก็ไม่ต้อง) ทำมากี่ที่ก็ไปเก็บใบรับรองการทำงานมาให้หมดเลยครับ จะเป็นผลดีตอนไปขอ VISA มิฉะนั้นจะมีข้อซักถามจากทางเจ้าหน้าที่ของสถานฑูตว่าเวลาแต่ละช่วงต้องสัมพันธ์และต่อเนื่องกันเพื่อเป็นผลดีกับการพิจารณาการให้วีซ่า
3. ประวัติการเงิน ทางสถานทูตจะดูบัญชีเงินฝากเราย้อนหลัง 6 เดือน เงินในบัญชีเงินฝากประมาณ 500,000 บาท เน้นนะ 6 เดือน ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆก่อนจะยื่นวีซ่า 1 เดือนก็เอาเงินใส่เข้ามา 300,000 บาท อย่างนี้ก็ไม่ได้ บัญชีเงินฝากไม่จำเป็นต้องเป็นของคนที่จะไปเรียน แต่เป็นของพ่อ แม่ พี่ น้อง หรือญาติก็ได้ แต่ญาติแท้ๆที่นามสกุลเดียวกัน หรือมีเอกสารอื่นๆบ่งชี้ว่านามสกุลเดียวกัน (ในกรณีที่บุคคลนั้นแต่งงานหรือเปลี่ยนนามสกุล) หรือสามี ภรรยาที่จดทะเบียนก็ได้ นอกจากบัญชีเงินฝากแล้ว สลากออมสิน , หุ้นสหกรณ์ ก็ใช้ได้ คนที่ให้เอกสารด้านการเงินเรามาอ้างอิง คือ บุคคลที่มีสถานะทางการเงินสามารถ support เราในขณะที่เราเรียนอยู่ต่างประเทศ (เราเรียกว่า Sponsor)
4. Passport ส่วนนี้ง่าย มีที่ให้ทำหลายที่ แจ้งวัฒนะ , เซ็นทรัล บางนา , เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า , เชียงใหม่ , ขอนแก่น , สงขลา ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,073 บาท
การเลือกสถานที่เรียน จะมีทางเลือกหลักๆ 2 ทาง คือ 1. ค้นหาเองจากwebsite หรือจากเพื่อนที่เคยไปเรียนหรือกำลังเรียนอยู่แต่ก็อาจจะให้ข้อมูลอะไรได้ไม่ละเอียดนัก
2. จากบริษัทแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะบริษัทแนะแนวหรือให้คำปรึกษาต่างๆรวมถึงการดำเนินการยื่นขอวีซ่าให้ท่านฟรีทุกขั้นตอน เพราะบริษัทจะมีข้อมูลแนวทางเลือกในการตัดสินใจตลอดจนมีหลายสถาบันให้เราเลือก
วิธีการเลือกบริษัทแนะแนวที่ดี- ต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน หรือเรียนจบจากประเทศนั้นๆเพื่อที่จะสามารถให้คำแนะนำกับท่านได้ดี
- ทำวีซ่า ให้ฟรี
- ไม่คิดค่าบริการทุกขั้นตอน
- จัดหา Homestay (บ้านพัก โดยอยู่กับคนออสเตรเลีย) ให้ได้
- จัดหารถรับ-ส่ง จากสถาบัน-บ้านพัก
สมัครเรียน
ขั้นตอนนี้ บริษัทแนะแนวต้องมีคุณธรรมในการให้คำแนะนำ
• รับใบ Offer เมื่อเราได้รับใบ Offer (โดยผ่านทางบริษัทแนะแนว) ก็หมายถึงว่า สถาบันที่เราสมัครไปรับเข้าเรียนแล้ว แต่มีข้อแม้ต้องไปจ่ายเงินค่าเรียนก่อน และวีซ่าต้องผ่านด้วย ซึ่งระยะเวลาในการรอใบ Offer ก็จะประมาณ 1-2 วัน หรือทางสถาบันอาจจะใช้ 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันหรือมหาวิทยาลัยนั้นๆเป็นต้น
• การตรวจร่างกายเพื่อขอ visa สามารถไปตรวจเฉพาะได้ที่โรงพยาบาลทีทางสถานทูตกำหนดมาเท่านั้น มีทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ในการตรวจก็จะเหมือนกับตรวจร่างกายทั่วๆไป โดยจะตรวจปัสสวะ , ตรวจสายตา , x-ray ปอด โดยไปกรอกแบบฟอร์มที่โรงพยาบาล และแจ้งว่าเพื่อไปศึกษาต่อ สำหรับผลการตรวจทางโรงพยาบาลจะส่งตรงไปที่สถานทูตเอง สิ่งสำคัญก็คือ ท่านจะต้องนำใบเสร็จกลับมาให้กับทางบริษัท เพื่อนำมาใช้ในการยื่นขอวีซ่ากับทางสถานทูต
• การโอนเงิน ขั้นตอนนี้จะทำการโอนเงินก็ต่อเมื่อได้รับใบ Offer จากทางสถาบันที่ไปสมัครเรียน วีธีโอนก็ไปโอนที่ธนาคารต่างๆที่สะดวกในการไปโอน โดยที่โอนเงินค่าเทอมตรงไปยังสถาบันศึกษาโดยตรงเลย เงินที่โอนไปจะประกอบไปด้วย
1. ค่าสมัครเรียน (ในกรณีที่ทางบางสถาบันเก็บจริง)
2. ค่าเทอม
3. ค่าโอน
4. ค่าประกันสุขภาพ (ตามจำนวนทางสถาบันเป็นผู้แจ้งมา) และเก็บใบเสร็จในการโอนเงินไว้
1. ค่าสมัครเรียน (ในกรณีที่ทางบางสถาบันเก็บจริง)
2. ค่าเทอม
3. ค่าโอน
4. ค่าประกันสุขภาพ (ตามจำนวนทางสถาบันเป็นผู้แจ้งมา) และเก็บใบเสร็จในการโอนเงินไว้
• รับใบ CEO ใบ CEO นี้จะเป็นใบรับรองว่าเราจ่ายเงินค่าเทอมไปแล้ว เพื่อใช้เป็นเอกสารแนบในการขอวีซ่า หลังจากนี้ทางบริษัทแนะแนวจะแจ้งมายังน้องๆเองว่าให้เตรียมยื่นวีซ่าได้
• ทำVisa
ขั้นตอนนี้จะต้องใช้เอกสารและข้อมูลต่างๆที่ให้เตรียมไว้ 4 ด้านดังกล่าวไว้เบื้องต้นมาประกอบในการยื่นขอวีซ่านักเรียน
ขั้นตอนนี้จะต้องใช้เอกสารและข้อมูลต่างๆที่ให้เตรียมไว้ 4 ด้านดังกล่าวไว้เบื้องต้นมาประกอบในการยื่นขอวีซ่านักเรียน
ดังนั้นจะมีบทสรุปในการทำวีซ่าได้ 2 คำตอบ คือ1. ขอแล้วผ่าน
2. ขอแล้วถูกปฏิเสธ หรือ Reject visa
เพราะสาเหตุอะไร แล้วบริษัทจะดำเนินการต่อไปอย่างไร และมีวิธีใดที่จะทำให้วีซ่าผ่านโดยไม่ต้องยื่นรอบสอง รอบสาม จากประสบการณ์ในการดำเนินการขอวีซ่ามาจึงทำให้ทราบว่า ถ้าเอกสารไม่ครบหรือฐานะทางการเงินไม่ดีพอก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ถูกปฏิเสธวีซ่าได้ จะทำให้น้องๆเป็นผู้เสียผลประโยชน์และเสียเงิน เสียเวลา ดังนั้นขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญมากอีกขั้นตอนหนึ่ง ทางบริษัทยินดีให้คำแนะนำและปรึกษาฟรี
การเตรียมตัวก่อนเดินทาง เมื่อวีซ่าผ่าน น้องๆควรจะเตรียมอะไรไปบ้างจากเมืองไทย เพราะต่างประเทศของราคาแพง จากบ้านเราสังเกตได้จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินก็ต่างกัน ฉะนั้นค่าครองชีพและข้าวของก็ราคาสูงกว่าเมืองไทยตามไปด้วย
สิ่งที่จำเป็น1. ตั๋วเครื่องบิน สามารถซื้อได้ในราคาถูกสำหรับ Student Visa พร้อมได้น้ำหนักกระเป๋าเพิ่มจากน้ำหนักของตั๋วปกติอีก 10 kg
2. Home Stay ควรจะแจ้งกับทางบริษัทแนะแนวในการจัดหาให้
3. รถรับ-ส่งจากสนามบิน-ที่พัก ควรจะแจ้งทางบริษัทแนะแนวเพื่อจัดหาให้ (หากต้องการ)
4. เสื้อผ้า , เครื่องแต่งกาย
5. Talking Dictionary และ Dictionary ธรรมดา เพราะทางสถาบันไม่ให้ใช้ Talking Dictionary
6. Adapter ปลั๊กไฟ เพื่อไปใช้กับครื่องไฟฟ้าที่เรานำไปใช้ยังประเทศนั้น ๆ
7. กรณีมีโรคประจำตัวที่ต้องทานยาประจำ
8. ปากกา ดินสอ ยางลบ เพราะต่างประเทศราคาแพง
2. Home Stay ควรจะแจ้งกับทางบริษัทแนะแนวในการจัดหาให้
3. รถรับ-ส่งจากสนามบิน-ที่พัก ควรจะแจ้งทางบริษัทแนะแนวเพื่อจัดหาให้ (หากต้องการ)
4. เสื้อผ้า , เครื่องแต่งกาย
5. Talking Dictionary และ Dictionary ธรรมดา เพราะทางสถาบันไม่ให้ใช้ Talking Dictionary
6. Adapter ปลั๊กไฟ เพื่อไปใช้กับครื่องไฟฟ้าที่เรานำไปใช้ยังประเทศนั้น ๆ
7. กรณีมีโรคประจำตัวที่ต้องทานยาประจำ
8. ปากกา ดินสอ ยางลบ เพราะต่างประเทศราคาแพง
การเดินทาง ควรไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิก่อนสัก 2 ชั่วโมง ถ้าใครไม่เคยเดินทางไกลโดยเครื่องบินมาก่อน ขอแนะนำว่าตอน Check In บอกพนักงานว่าอยากได้ที่ติดทางเดิน จะได้สะดวก เพราะใช้เวลานานหลายชั่วโมง และเตรียมเสื้อกันหนาวด้วยนะบนเครื่องอากาศเย็น
วันที่ 23 สิงหาคม 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น